Bone Broth คืออะไร? เคยได้ยินคำว่า “โบนบรอธ” (Bone Broth) ไหมคะ … Bone Broth ของเหลวสีทอง เป็นอาหารที่ถูกเสริฟเป็นเมนูในร้านอาหารชั้นสูง ณ กรุงปารีส ในยุคศตวรรษที่ 18 ชาวปารีสสมัยนั้นเรียกมันว่า Restoratifs หรือซุปบรอธเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ ซึ่งในเวลาต่อมาคำนี้จึงเป็นรากศัพท์ของคำว่า Restaurant โดยแปลตามความหมายเดิมคือ “สถานที่ในการฟื้นฟู (Restore) สุขภาพ” และต่อมากลายเป็นคำเรียกร้านอาหารในปัจจุบัน
ดังนั้นโบนบรอธจึงไม่ใช่เรื่องใหม่เลยค่ะ ของเหลวมหัศจรรย์นี้ถูกดื่มกันอยู่แล้วในทุกวัฒนธรรมมาตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่ว่าจะเป็นในยุโรป และเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เรียกได้ว่าเป็นอาหารคู่โลกมาตั้งแต่ยุคหินเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะบรรพบุรุษของเรารู้ถึงความมหัศจรรย์ของโบนบรอธในการช่วยเยียวยารักษาร่างกาย โบนบรอธจึงเป็นอาหารที่ยังคงดื่มกันมาจนทุกวันนี้
โบนบรอธ ที่ดูแล้วเหมือนน้ำซุปใสๆ แต่เกิดจากการเคี่ยวกระดูกเนื้อสัตว์รวมกับผักหลายชนิด แบบข้ามวันข้ามคืน จนสารอาหารสำคัญ 6 ชนิดละลายออกมาอยู่ในน้ำซุป ที่สำคัญเลยก็คือมีคอลลาเจนที่ออกมาจากไขกระดูก

แล้วโบนบรอธดีอย่างไร เรามาดูกันค่ะ
โบนบรอธเต็มไปด้วยอะมิโนแอซิด คอลลาเจน เจลาติน และแร่ธาตุต่างๆ ที่พบได้พร้อมๆกันในการดื่ม 1 ถ้วย ไม่ว่าจะเป็น
1 อะมิโนแอซิด 19 ชนิด ทั้งอะมิโนแอซิดจำเป็น (Essential Amino Acids) ที่ร่างกายเราสร้างเองไม่ได้ และอะมิโนแอซิดไม่จำเป็น (Non-Essential Amino Acids)
2 คอลลาเจน ซึ่งร่างกายจะนำไปใช้ในการสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Cognitive Tissue) ซึ่งจะช่วยทำให้ข้อต่อระหว่างกระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแรง
3 มีสารอาหารที่ช่วยบำรุงเกือบทุกส่วนในร่างกาย ตั้งแต่ผนังทางเดินอาหารจนถึงสมอง กล้ามเนื้อจนถึงเส้นเอ็น ข้อต่อ ตั้งแต่ผิวพรรณ เส้นผม และเล็บ รวมถึงระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
4 โบนบรอธมีแคลอรีที่ต่ำ แต่มีแร่ธาตุสูง
บรรพบุรุษผู้ทราบความลับของมหัศจรรย์ของเหลวสีทองนี้ จึงได้ส่งต่อให้โบนบรอธกลายเป็นอาหารบำรุงร่างกายที่พบได้ในทุกวัฒนธรรมทั่วโลก เป็น Traditional Nutrient
การดื่มโบนบรอธเป็นเครื่องดื่มประจำวัน จึงช่วยเพิ่มคุณค่าในมื้ออาหารให้กับร่างกาย
ถ้างั้นน้ำแกงจืดที่เราทานกันทุกวันนี้ใช่โบนบรอธหรือเปล่านะ
ก็ต้องบอกว่า โบนบรอธไม่ใช่แค่น้ำซุป หรือน้ำแกงธรรมดาค่ะ จุดต่างสำคัญ คือ ระยะเวลาในการเคี่ยวและชนิดของกระดูกที่เลือกใช้
น้ำซุปทั่วไปอาจใช้เวลาเคี่ยวประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อแช่เย็นแล้วจะไม่เป็นเจลาติน เนื่องจากต้มในระยเวลาอันสั้น ประมาณ 2 ชั่วโมง ยังไม่ได้สกัดเอาเจลาตินออกมาจากกระดูกสัตว์เต็มที่
ในขณะที่โบนบรอธ (Bone Broth) จะเป็นซุปโครงกระดูกที่มีส่วนของกระดูกอ่อน เอ็นและผักหลายชนิด เคี่ยวด้วยไฟต่ำนานตั้งแต่ 12 ชั่วโมงขึ้นไป จนกระทั่งกระดูกแตก และมีการเติมน้ำส้มสายชูหมักลงไปเพื่อช่วยในการสกัดเอาสารอาหารสำคัญที่มีอยู่ในกระดูกจะออกมาให้มากขึ้น
ถ้าดีแบบนี้ สงสัยใช่ไหมคะว่า ดื่มโบนบรอธแล้วช่วยเรื่องใดได้บ้าง
เยอะมากจริงๆค่ะ ช่วยบำรุงได้เกือบทุกส่วนในร่างกายเลย เริ่มตั้งแต่
1. โบนบรอธช่วยบำรุงเยื่อบุผนังทางเดินอาหาร
เพราะโบนบรอธอุดมไปด้วยคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างร่างกายที่พบมากที่สุด โดยพบในผิวหนัง เนื้อเยื่อเกี่ยวพันทุกประเภท และอวัยวะที่มีลักษณะเป็นท่อกลวง เช่นหลอดเลือด ทางเดินอาหาร เยื่อบุชั้นในสุดของท่อกลวงเหล่านี้จะมีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบทั้งหมด คอลลาเจนจึงมีความสำคัญมาก ช่วยทำให้เยื่อบุผนังทางเดินอาหารเรียงตัวชิดกันและแข็งแรง ซึ่งก็จะเหมือนกำแพงช่วยป้องกันสารพิษ (Toxin) หรือสิ่งแปลกปลอมไม่ให้สามารถหลุดรอดเข้าไปในกระแสเลือดได้
2. โบนบรอธช่วยเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน
ในเมื่อผนังทางเดินอาหารแข็งแรง ก็จะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันให้ดีไปด้วย เพราะทางเดินอาหารเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายที่หลั่งภูมิคุ้มกันในร่างกาย เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้าง immune
3. โบนบรอธช่วยเรื่องผิวพรรณ
เพราะโบนบรอธมีทั้งคอลลาเจน ซึ่งเป็นโครงสร้างของผิวหนัง ทำให้ผิวแข็งแรงและไม่ยุบตัว ช่วยชะลอการเสื่อมของผิวหนังได้ แถมยังมี Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นตัวอุ้งน้ำให้กับผิว ช่วยให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น เปล่งปลั่งสดใส
4. โบนบรอธช่วยเรื่องความแข็งแรงของกระดูก
ในโบนบรอธมี เกลือแร่ หรือแร่ธาตุที่มีอยู่ตามธรรมชาติในกระดูก เช่น แคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส แร่ธาตุเหล่านี้ จะช่วยส่งเสริมความแข็งแรงของกระดูก
5. โบนบรอธช่วยเรื่องข้อต่อ
ในโบนบรอธ จะมีสารอาหารสำคัญอีกหลายชนิดที่ช่วยเรื่องกระดูกข้อต่อ เช่น กลูโคซามีน (Glucosamine), คอนดรอยติน (Chondroitin) และ กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic acid) ซึ่งจะช่วยสร้างความแข็งแรงให้กระดูกอ่อน เป็นเหมือนโช้คอัพ (Natural cushion) ที่ช่วยทำให้กระดูกไม่มาชนกัน และช่วยทำให้น้ำในข้อดีขึ้นด้วย
6. โบนบรอธช่วยขบวนการดีท็อกซ์หรือขจัดสารพิษในร่างกาย
ในโบนบรอธจะมีอะมิโนแอซิด ที่ชื่อ กลูตามีน (Glutamine) เป็น 1 ใน 3 อะมิโนแอซิดที่ร่างกายใช้ในการสร้างกลูทาไธโอน (Glutathione) ซึ่งเป็น Antioxidant ที่ทรงพลัง จึงช่วยในเรื่องของการ Boost Detoxification ในร่างกายได้อีกด้วย
โบนบรอธควรดื่มตอนไหนและควรดื่มเท่าไหร่
ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายในการดื่มค่ะว่าต้องการอะไรจากการดื่มโบนบรอธ
ดื่มเพื่อบำรุงสุขภาพทั่วไปประจำวัน
หากต้องการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพิ่มภูมิต้านทาน หรือเพื่อดูแลผนังทางเดินอาหาร บำรุงข้อต่อ บำรุงผิวพรรณเพื่อความงาม แนะนำให้ดื่มโบนบรอธเป็นเครื่องดื่มประจำวัน อย่างน้อยวันละ 1 ถ้วย แนะนำช่วงเช้า 1 ถ้วย และในช่วงที่ต้องการดูแลฟื้นฟูร่างกายเป็นกรณีพิเศษ ควรดื่มเพิ่มอีก 1-2 ถ้วยระหว่างวัน
ใช้ทำอาหาร
นำโบนบรอธไปประกอบอาหาร เช่น เพิ่มเนื้อสัตว์ หรือผัก ผสมน้ำเพิ่มเพื่อเป็นแกงจืด แกง หรือทำซุปต่างๆ จะทำให้อาหารมีรสอร่อยโดยไม่ต้องใช้ผงชูรส และยังได้รับคอลลาเจนและสารอาหารที่มีประโยชน์อื่นๆเพิ่มขึ้นในมื้ออาหาร
ดื่มเพื่อ Break Fast ภายหลังการทำ IF
สำหรับท่านที่ทำ Intermittent Fasting ระยะยาวเช่น 23/1 หรือนานกว่านั้น สามารถดื่ม Bone Broth เป็นเครื่องดื่มแรกสำหรับการ Break Fast เพื่อช่วยให้ระบบทางเดินอาหารปรับตัวก่อนการทานอาหารมื้อใหญ่
ดื่มเพื่อลดน้ำหนัก
ใช้ Bone Broth ในการทานแบบ 5:2 Diet ซึ่งเป็นรูปแบบของ Fasting อย่างหนึ่ง เพียงแต่เป็น MIni Fast หรือ Fasting Mimicking Diet ซึ่งเป็น Diet ที่เลียนแบบ Fasting ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ทำ True Fast ยาวๆไม่ไหว เช่น IF 23/1 หรือ One meal a day (ทานวันละ 1 มื้อ)
การทานแบบ 5:2 Diet จะช่วยให้ทำ Fasting โดยไม่รู้สึกลำบาก ทนหิวมากจนเกินไปสำหรับ คนที่ไม่คุ้นชินกับการทำ Fasting
ทาน 5:2 Diet โดยใน 1 สัปดาห์ มี 5 วันที่ทานอาหารตามปกติ + ดื่มโบนบรอธเสริมสุขภาพ 2 ถ้วยส่วนอีก 2 วัน ให้เลือกทานโบนบรอธ 6 ถ้วยต่อวัน หรืออาจเลือกทานโบนบรอธ 5 ถ้วย + อาหารมื้อเบา 1 มื้อ โดยให้แคลอรีรวมทั้งวันไม่เกิน 500-800 kcal
ทำจนครบ 3 สัปดาห์ หรือ 21 วัน หรือทำต่อเนื่องก็ได้
Mini Fasting 2 วันนั้น ควรห่างกัน 2-3 วัน เช่น Mini Fasting วันอาทิตย์และวันพฤหัส
ที่เหลืออีก 5 วัน ทาน Low Carb High Fat (หรือโภชนาการอื่นๆ ที่มีความหนาแน่นของสารอาหารสูง หลีกเลี่ยง Junk Food)
โบนบรอธ มีประโยชน์มากมาย ดื่มง่าย อร่อยด้วย แนะนำทานเป็นเครื่องดื่มประจำวันที่เหมาะกับทุกคนในบ้านค่ะ

iFast Bone Broth ทางเลือกสำหรับผู้ที่สนใจประโยชน์จากโบนบรอธโดยไม่ต้องต้มเอง
iFast ดีอย่างไร
โบนบรอธ iFast ให้รสชาติเหมือนการเคี่ยวเอง ช่วยให้ประหยัดเวลา สะดวกสบาย ในราคาเทียบเท่ากับการซื้อวัตถุดิบมาทำเอง รวมทั้งเพิ่มขั้นตอนในการพาสเจอร์ไรซ์ ทำให้เก็บในช่องฟรีซได้นานกว่าการเคี่ยวเอง
เก็บได้นาน 1 ปี ในช่องแช่แข็ง หรือ 2 สัปดาห์ ในช่องเย็น
- ใช้ไก่ทั้งตัว ไม่ได้ใช้เฉพาะโครงไก่ มีคอลลาเจนจากหนัง มีอะมิโนแอซิดจากไก่ทั้งตัว
- ใช้ผักสดปลอดภัย จากโครงการหลวง
- เคี่ยวด้วยหม้อความดัน นานกว่า 6 ชั่วโมง เทียบเท่าการเคี่ยวไฟต่ำนาน 24 ชั่วโมง เพื่อดึงคุณค่าจากส่วนประกอบอย่างมีประสิทธิภาพ
- พาสเจอไรซ์แล้วแช่แข็งเพื่อความสดใหม่
- ไม่ใส่ผงชูรส ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่เกลือ ไม่ใส่วัตถุกันเสีย
- เก็บได้นาน 1 ปีในช่องแช่แข็ง หรือ 2 สัปดาห์ในตู้เย็น
- แคลอรีต่ำเพียง 35 kcal, โปรตีน 6 g, ไขมัน 1 g, คาร์บ น้อยกว่า 1 g
- สะดวกสบาย ในราคาเทียบเท่ากับการซื้อไก่ทั้งตัวมาเคี่ยวเอง
จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกในการเคี่ยวเอง